ตัวแทนสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทยประกาศจุดยืนพร้อมเรียกร้องให้การยางพาราแห่งประเทศไทย(กยท.)
เร่งรัดจัดทำระเบียบข้อบังคับ
กฏหมายลูกให้แล้วเสร็จตามบทเฉพาะกาล
ซึ่งบทเฉพาะกาลมีข้อกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 4 เดือน จนบัดนี้ย่างเข้าเดือนที่ 10 แล้วยังไม่แล้วเสร็จ ส่งผลให้พรบ.การยางไม่ขับเคลื่อนได้ส่งผลกระทบทำให้เกษตรกรชาวสวนยางเดือดร้อน
วันนี้ (11 พ.ค. 59 ) นายอุทัย สอนหลักทรัพย์
นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากกรณีการที่ผู้แทนเกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศ ได้ขอประกาศจุดยืนในการเปิดตัวคณะกรรมการสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ที่ทางกรมวิชาการเกษตรเป็นผู้จดทะเบียนเมื่อ
21 พฤษภาคม 2533 ในระดับประเทศ ระดับเขต
และในระดับจังหวัดทั่วประเทศเพื่อให้เป็นไปตาม พระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย
พ.ศ. 2558 ที่ประกาศใช้ไปแล้ว ตามมาตรา 4 ซึ่งระบุว่าสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางนั้นให้
หมายถึง สมาคมที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายเพื่อให้นำไปสู่มาตรา 49
ให้คณะกรรมการจัดสรรเงิน Cess เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย(5)
ไม่เกินร้อยละเจ็ด เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสวัสดิการเพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง (6)
ไม่เกินร้อยละสามเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมสนับสนุนสถาบันเกษตรกร ชาวสวนยาง ซึ่ง
พรบ.ฉบับนี้ตามบทเฉพาะกาลมาตรา 69 ให้เสร็จสิ้นใน 4 เดือน ที่ พรบ.
ฉบับนี้ใช้บังคับการยางพาราแห่งประเทศไทย หรือ กยท.
วันนี้ กยท.ได้บริหารงานมาเกินกว่า 9 เดือนแล้ว กลับพบว่า พรบ.ฉบับนี้ยังไม่สามารถขับเคลื่อนไปได้ เปรียบเหมือนหัวรถจักรที่จะลากจูงเกษตรทั้งประเทศซึ่งรวมตัวกันแล้ว แต่ไม่มีน้ำมันเติมจึงเดินไม่ได้
ทางสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย จึงขอประกาศให้ทราบกันทั่วว่าเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ได้รวมตัวกันเป็นหนึ่ง ตามนโยบายของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีบัญชาในคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ณ ทำเนียบรัฐบาล ในช่วงที่ผ่านมา
วันนี้ กยท.ได้บริหารงานมาเกินกว่า 9 เดือนแล้ว กลับพบว่า พรบ.ฉบับนี้ยังไม่สามารถขับเคลื่อนไปได้ เปรียบเหมือนหัวรถจักรที่จะลากจูงเกษตรทั้งประเทศซึ่งรวมตัวกันแล้ว แต่ไม่มีน้ำมันเติมจึงเดินไม่ได้
ทางสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย จึงขอประกาศให้ทราบกันทั่วว่าเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ได้รวมตัวกันเป็นหนึ่ง ตามนโยบายของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีบัญชาในคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ณ ทำเนียบรัฐบาล ในช่วงที่ผ่านมา
ดังนั้นที่ประชุมในวันนี้จึงขอประกาศจุดยืนเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนและติดตามการทำงานที่เป็นปัญหาอุปสรรค
รวมทั้งข้อจำกัดเกี่ยวข้องกับยางพาราเพื่อก้าวเดินต่อไปข้างหน้าและร่วมแก้ปัญหาให้กับพี่น้องเกษตรกรกรชาวสวนยางทั้งประเทศ
โดยมีมติข้อสรุป8 ข้อ ดังนี้
1.ต่อจากนี้ไปถ้าเกษตรชาวสวนยาง
เดือดร้อนเรื่องอะไรก็แจ้งผู้แทนได้แต่ละจังหวัด
เพื่อรวบรวมส่งระดับเขตระดับประเทศ
เพื่อนำเสนอผู้รับผิดชอบต่อไปโดยเฉพาะเรื่องเร่งด่วนที่สวนยางไม่มีเอกสารสิทธิ์
ผู้แทนเกษตรจะช่วยกันผลักดันให้ได้รับสิทธิ์ประโยชน์จากเงิน Cess
ดังนั้นเกษตรชาวสวนยางทั้งประเทศจะได้นอนตาหลับเพราะมีผู้แทนคอยรับเรื่องเดือดร้อน โดยทุกคนจะต้องร่วมมือกัน และปรับตัวเองให้เข้ากับ พรบ.การยางแห่งประเทศไทยให้ได้
ปัจจุบันสวนยางได้เปิดกรีดยางแล้ว ถ้าราคายางตกลงก็จะทำให้พวกเราเดือดร้อนถ้าไม่ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาตามที่กล่าวมาให้หมดสิ้นไป แล้วขับเคลื่อนการยางไปตามเจตนารมณ์ของ พรบ.ฉบับนี้ที่เป็นของเกษตรกรเพื่อเกษตรกรได้อย่างไร
ดังนั้นเกษตรชาวสวนยางทั้งประเทศจะได้นอนตาหลับเพราะมีผู้แทนคอยรับเรื่องเดือดร้อน โดยทุกคนจะต้องร่วมมือกัน และปรับตัวเองให้เข้ากับ พรบ.การยางแห่งประเทศไทยให้ได้
ปัจจุบันสวนยางได้เปิดกรีดยางแล้ว ถ้าราคายางตกลงก็จะทำให้พวกเราเดือดร้อนถ้าไม่ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาตามที่กล่าวมาให้หมดสิ้นไป แล้วขับเคลื่อนการยางไปตามเจตนารมณ์ของ พรบ.ฉบับนี้ที่เป็นของเกษตรกรเพื่อเกษตรกรได้อย่างไร
2. เรื่องการโยกย้ายและแต่งตั้งข้าราชการโดยไม่เป็นธรรมใน
กยท. ตามคำสั่งที่ 101/2559 ลงวันที่
29 เมษายน 2559 ได้แต่งตั้งพนักงานให้รักษาการในตำแหน่งจำนวน 19 ราย
และคำสั่งที่ 102/2559 ลงวันที่ 29 เมษายน 2559
ได้แต่งตั้งพนักงานให้รักษาการในตำแหน่งส่วนงานจำนวน 80 รายซึ่งมีข้อผิดพลาดอยู่หลายข้อ เช่น ตั้งตำแหน่งในจังหวัดภูเก็ตซ้ำซ้อนกัน 2 คน และตาม เจตนารมณ์ของ พรบ.
ฉบับนี้ ตามมาตรา 3 ให้ยกเลิก พรบ. กองทุนสวนยาง 2503, พระราชกฤษฎีกาองค์การสวนยาง
2504 และตามบทเฉพาะการ มาตรา 71 วรรคสอง ให้ข้าราชการ พนักงาน
หรือลูกจ้างสถาบันวิจัยยางโอนไปเป็นพนักงานหรือลูกจ้าง กยท ฯลฯ
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าวัตถุประสงค์ของ พรบ. การยางแห่งประเทศไทย จะหลอมรวม 3 หน่วยงานเข้าเป็นหนึ่งเดียว โดยมาตรา 49 ให้คณะกรรมการจัดสรรเงินกองทุน (Cess) เพื่อใช้จ่ายในงบประมาณประจำปี (1) จำนวนไม่เกินร้อยละสิบ เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารกิจการของ กยท. ในกรณีเงินกองทุนจัดสรรตาม (1) ถ้ายังไม่เพียงพอให้รัฐตั้งรายจ่ายเพิ่มเติมในงบประมาณประจำปีตามความจำเป็น
ดังนั้นทั้ง 3 หน่วยงานจะต้องมีสิทธิเท่าเทียมกัน มิใช่องค์กรใดองค์กรหนึ่งจะรวบอำนาจการบริหารไว้แต่เพียงหน่วยเดียว ซึ่งจะก่อให้เกิดความแตกแยกความสามัคคีกัน ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะตกอยู่กับเกษตรกร ซึ่งกำลังจะเปิดกรีดยาง ราคายางอาจจะตกต่ำ ถ้าข้าราชการใน กยท. ยังไม่สามัคคีกัน มัวแต่แก่งแย่งตำแหน่งกัน จะมีเวลาไปดูแลเกษตรได้อย่างไร
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าวัตถุประสงค์ของ พรบ. การยางแห่งประเทศไทย จะหลอมรวม 3 หน่วยงานเข้าเป็นหนึ่งเดียว โดยมาตรา 49 ให้คณะกรรมการจัดสรรเงินกองทุน (Cess) เพื่อใช้จ่ายในงบประมาณประจำปี (1) จำนวนไม่เกินร้อยละสิบ เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารกิจการของ กยท. ในกรณีเงินกองทุนจัดสรรตาม (1) ถ้ายังไม่เพียงพอให้รัฐตั้งรายจ่ายเพิ่มเติมในงบประมาณประจำปีตามความจำเป็น
ดังนั้นทั้ง 3 หน่วยงานจะต้องมีสิทธิเท่าเทียมกัน มิใช่องค์กรใดองค์กรหนึ่งจะรวบอำนาจการบริหารไว้แต่เพียงหน่วยเดียว ซึ่งจะก่อให้เกิดความแตกแยกความสามัคคีกัน ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะตกอยู่กับเกษตรกร ซึ่งกำลังจะเปิดกรีดยาง ราคายางอาจจะตกต่ำ ถ้าข้าราชการใน กยท. ยังไม่สามัคคีกัน มัวแต่แก่งแย่งตำแหน่งกัน จะมีเวลาไปดูแลเกษตรได้อย่างไร
3. เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2559
สภาเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย 9 องค์กร
ได้เข้าพบประธานกรรมการยางแห่งประเทศไทย (พลเอกฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข) ห้องประชุมรัษฎา
การยางแห่งประเทศไทย ประมาณ 50 คน โดยมีข้อตกลงว่าในการร่างกฎหมายลูก
ระเบียบหลักเกณฑ์ต่างๆ ของ กยท.
ขอให้ผู้แทนเกษตรกรให้รวบรวมเป็นร่างเดียวเมื่อนำมาพิจารณาควบคู่กับอนุกฎหมายของกยท.
ให้มีความเห็นตรงกัน บอร์ดจะนำไปพิจารณาอย่างรัดกุม โดยเฉพาะ มาตรา 49 (3) (5) (6)
เพื่อให้ พรบ. การยางแห่งประเทศไทย ขับเคลื่อน
แต่จนบัดนี้ยังไม่มีการเรียกประชุมผู้แทนเกษตรกรเลย สมาคมสหพันธ์ชาวสวนยาง ขอเรียกร้องให้ผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย รีบดำเนินการเรียกประชุมโดยด่วน โดยเฉพาะมาตรา 49(6) เพราะจะเป็นค่าใช้จ่ายของเกษตรกรในการเดินทางเข้ามาร่วมประชุม
แต่จนบัดนี้ยังไม่มีการเรียกประชุมผู้แทนเกษตรกรเลย สมาคมสหพันธ์ชาวสวนยาง ขอเรียกร้องให้ผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย รีบดำเนินการเรียกประชุมโดยด่วน โดยเฉพาะมาตรา 49(6) เพราะจะเป็นค่าใช้จ่ายของเกษตรกรในการเดินทางเข้ามาร่วมประชุม
4. ขอทบทวนตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุครุภัณฑ์
ตามคำสั่งการยางแห่งประเทศไทยที่ 59/2559 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2559 และคำสั่งที่
60/2559 ลงวันที่ 22 มีนาคม 2559 ขัดต่อมติของคณะทำงาน
ที่มีผู้แทนเกษตรกรเข้าร่วมในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559 ในจำนวนนั้นตาม มาตรา
49(3) ได้พิจารณาตัดงานเหล่านี้ออก
แต่ปรากฏว่า ทาง กยท.ได้จัดซื้อในงบประมาณที่ตัดออกโดยไม่ฟังเสียงคณะทำงานและรีบเร่งจัดซื้อก่อนผู้ว่าการยางคนใหม่ที่จะบรรจุเพียง 1 วัน เท่านั้น
สมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทยจะขอติดตามความโปร่งใสต่อไป
แต่ปรากฏว่า ทาง กยท.ได้จัดซื้อในงบประมาณที่ตัดออกโดยไม่ฟังเสียงคณะทำงานและรีบเร่งจัดซื้อก่อนผู้ว่าการยางคนใหม่ที่จะบรรจุเพียง 1 วัน เท่านั้น
สมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทยจะขอติดตามความโปร่งใสต่อไป
5. โครงการสนับสนุนสินเชื่อสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางพารา
(วงเงินสินเชื่อ 5,000 ล้านบาท) ตามมติคณะกรรมการยางธรรมชาติ (กนย.) ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
เป็นประธานได้อนุมัติให้วิสาหกิจชุมชน
เข้าถึงแหล่งเงินจำนวนนี้ได้แต่จนบัดนี้โครงการดังกล่าว ธกส. ได้อนุมัติเงินแล้ว
939.20 ล้านบาท ควรจะต้องพิจารณาวิสาหกิจชุมชนให้เข้าถึงแหล่งเงินเพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่ายางพาราและเป็นอาชีพเสริมของเกษตรกรในสภาวะราคายางตกต่ำตามนโยบายของรัฐบาล
6.
โครงการสร้างความเข้มแข็งเกษตรกรชาวสวนยางจากการช่วยเหลือของรัฐบาลตามมติ
ครม. 3 พ.ย. 2558 ไร่ละ 1,500 บาท ไม่เกิน 15 ไร่/ราย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรได้คาดโทษ เจ้าหน้าที่ ที่รับผิดชอบเมื่อ 11 มกราคม 2559
ในที่ประชุมการแก้ไขปัญหายางพาราครบวงจรที่กระทรวงเกษตรให้แล้วเสร็จ เดือนมีนาคม
2559 จนบัดนี้มีเกษตรกรบางส่วนยังไม่ได้รับเงินและได้ร้องเรียนมาเป็นจำนวนมาก
ขอให้ กยท. เร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้น
7. ปัญหาของสหกรณ์กองทุนสวนยาง 700 สหกรณ์
ที่ใช้งบประมาณรัฐบาลจัดสร้างโรงรม มีปัญหาบางแห่งจะต้องตรวจสอบความโปร่งใส
8. ในช่วงนี้
ราคายางขึ้นและยางขาดตลาดควรนำยางในสต๊อก 3.6 แสนตัน
ที่เสื่อมสภาพมาปรับปรุงให้เป็นยาง STR20 เพื่อนำไปส่งมอบให้บริษัท SINOCHEM เพื่อลดการเช่าโกดัง และค่าประกันภัย
เป็นการประหยัดเงินของรัฐและเป็นการระบายยางในสต๊อกในช่วงราคายางขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ในขณะนี้ทางสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทยได้สร้างเครือข่ายสมาคมและมีโครงสร้างการทำงานสามารถบริหารจัดการได้อย่างครอบคลุมทั่วประเทศ สามารถส่งตัวแทนเกษตรกรเข้าไปร่วมพิจารณากฎหมายลูกและระเบียบข้อบังคับร่วมกับกยท.ซึ่งขณะนี้เกิดความล่าช้า
ปัจจุบันทางสมาคมฯได้มีเครือข่ายดูแลครอบคลุมทั้ง 62 จังหวัดในพื้นที่ที่มีพื้นที่ปลูกยางพารา หากกรณีเกิดปัญหาสามารถติดต่อได้ที่ตัวแทนจังหวัดซึ่งจะมีด้วยตัวแทนจากองค์กรที่เป็นคณะทำงานจาก 6 องค์กร โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน โดยจะนำปัญหาหรือข้อร้องเรียนมาแก้ไขในระดับจังหวัดก่อน
หากกรณีจังหวัดแก้ไขไม่ได้ทางจังหวัดจะยื่นมายังเขต ซึ่งประกอบด้วย 7 เขตทั่วประเทศ และหากเขตแก้ไขปัญหาไม่ได้จะทำการส่งปัญหาดังกล่าวไปเข้าสู่กระบวนการแก้ไขในระดับประทศโดยจะนำเสนอต่อคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย และหากแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้อีกจะนำเข้าสู่กรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ซึ่งมี ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานและจึงนำเข้าสู่ครม.ต่อไป นายอุทัย กล่าวทิ้งท้าย
ปัจจุบันทางสมาคมฯได้มีเครือข่ายดูแลครอบคลุมทั้ง 62 จังหวัดในพื้นที่ที่มีพื้นที่ปลูกยางพารา หากกรณีเกิดปัญหาสามารถติดต่อได้ที่ตัวแทนจังหวัดซึ่งจะมีด้วยตัวแทนจากองค์กรที่เป็นคณะทำงานจาก 6 องค์กร โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน โดยจะนำปัญหาหรือข้อร้องเรียนมาแก้ไขในระดับจังหวัดก่อน
หากกรณีจังหวัดแก้ไขไม่ได้ทางจังหวัดจะยื่นมายังเขต ซึ่งประกอบด้วย 7 เขตทั่วประเทศ และหากเขตแก้ไขปัญหาไม่ได้จะทำการส่งปัญหาดังกล่าวไปเข้าสู่กระบวนการแก้ไขในระดับประทศโดยจะนำเสนอต่อคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย และหากแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้อีกจะนำเข้าสู่กรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ซึ่งมี ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานและจึงนำเข้าสู่ครม.ต่อไป นายอุทัย กล่าวทิ้งท้าย
ไม่มีความคิดเห็น