นายเชาว์ ทรงอาวุธ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตามวงจรธรรมชาติ ฤดูที่ยางผลัดใบจะเป็นช่วงหน้าร้อนของแต่ละพื้นที่ ซึ่งขณะนี้เดือนมีนาคมทุกพื้นที่เข้าสู่ช่วงฤดูแล้ง และเป็นช่วงที่ยางผลัดใบ โดยใบยางจะมีสีเหลือง และร่วงหล่นจากต้น เป็นสัญญาณเตือนให้เจ้าของสวนยางควรหยุดกรีดยางในช่วงนี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่ยางผลัดใบ ทิ้งใบ ต้นยางจะไม่มีใบสีเขียวเพื่อการสังเคราะห์แสง ทำให้ต้นยางต้องเคลื่อนย้ายอาหารที่เป็นแป้งและน้ำตาลจากใบแก่ไปเก็บไว้ที่บริเวณลำต้น และเมื่อยางเริ่มแตกใบอ่อน อาหารที่ถูกเก็บไว้ที่ลำต้นจะถูกนำไปใช้สร้างใบอ่อนของต้นยาง ในช่วงนี้ ถ้าเกษตรกรยังฝืนกรีดยาง ก็จะเป็นเหมือนการแย่งอาหารต้นยาง ส่งผลให้ยางเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ทำให้ต้นยางไม่สมบูรณ์ ส่งผลกระทบต่ออายุการกรีดที่ไม่ยาวนานของต้นยางในอนาคต

“ ช่วงที่ยางผลัดใบ เกษตรกรไม่สามารถกรีดยางได้ ควรเลือกทำอาชีพเสริมอื่นๆ โดยใช้เนื้อที่ว่างที่มีอยู่ในสวนยาง หรือเวลาว่างช่วงพักกรีด ประกอบอาชีพเสริมต่างๆ ตามถนัด เพื่อสร้างรายได้เสริม อาทิ ปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย อาทิ มะละกอ ฟักทอง พืชตระกูลถั่วต่างๆ หรือเลี้ยงสัตว์ที่สามารถเลี้ยงร่วมสวนยางได้ เช่น จิ้งหรีด ผึ้ง เป็นต้น การปลูกผลไม้ที่ให้ผลผลิตเร็วต่างๆ เพื่อการบริโภคในครัวเรือน สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ และเป็นการสร้างรายได้ ขณะหยุดพักกรีดยางได้อีกทางหนึ่ง พี่น้องชาวสวนยางสามารถขอคำแนะนำ รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่สนใจได้ที่การยางแห่งประเทศไทย ทุกพื้นที่ใกล้บ้าน ”
ไม่มีความคิดเห็น