์News

์News

แนวทางการผลิตยางเครปคุณภาพ กำไร 2 เท่า จาก บุญทวี รับเบอร์ จ.บึงกาฬ

แนวทางการผลิตยางเครปคุณภาพ กำไร 2 เท่า จาก บุญทวี รับเบอร์ จ.บึงกาฬ

         
         

          “การทำยางเครป ต้องทำอย่างไร จึงจะกำไร และประสบความสำเร็จ” ผู้เขียนเอ่ยถามอย่างใคร่รู้
            “อยู่ที่การบริหารจัดการ” ผู้ถูกถามตอบสั้นๆ ก่อนจะขยายความว่า
ตั้งแต่การเลือกซื้อยาง การผลิต บริหารตลาด แม้กระทั่งเครื่องจักรก็สำคัญ
นั่นหมายความว่าทุกขั้นตอน คือ “ห่วงโซ่” ความสำเร็จของการผลิตยางเครป...!!!
ฤทัยรัตน์ สาลี สาวเก่งแห่ง “บุญทวี รับเบอร์” ผู้รับซื้อยางรายใหญ่แห่ง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ คือ ผู้ให้คำนิยมของแนวทางการผลิตยางเครปให้ประสบความสำเร็จข้างต้น
เพราะเธอจับธุรกิจรับซื้อยางก้อนถ้วยและแปรรูปยางเครป จนสามารถ “เขียน” แนวทางการผลิตยางเครปได้อย่างละเอียด ซึ่งทั้งหมดมาจากประสบการณ์การทำยางเครปมากว่า 4 ปี
ขณะเดียวกันโรงผลิตยางเครปของเธอ ยังเป็นเสมือน “ห้องเรียน” สำหรับผู้สนใจธุรกิจแปรรูปยางชนิดนี้ ที่ถ่ายทอดทั้งแนวคิด ทฤษฎี และปฏิบัติ

จากผู้ขาย สู่ผู้ซื้อ ยาง
            บุญทวี รับเบอร์ มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นเกษตรกรชาวสวนยางทำยางก้อนถ้วยขายพ่อค้าในพื้นที่ แต่มักจะถูกผู้ซื้อกดราคาอยู่เป็นนิจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจการกำหนดราคา
            ก่อนจะพลิกตัวเองมาเป็นผู้ซื้อยางเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เพื่อขายยางจากสวนตัวเอง และรับซื้อจากเกษตรกรในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการซื้อขายผ่านระบบการประมูล


กลยุทธ์การซื้อยางก้อนถ้วยให้กำไร
        การเป็นพ่อค้ารับซื้อยางก้อนถ้วยใช่ว่าจะนอนกอดความสำเร็จ หรือทำผลกำไรได้เสมอไป เพราะมีคนจำนวนมากที่เข้ามาจับธุรกิจนี้ แต่ขาดประสบการณ์และการวิเคราะห์ตลาดที่ดี จึงเจ๊งไปก็มาก เพราะยางประเภทนี้มีปัจจัยเรื่องของน้ำหรือความชื้นเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้ซื้อจึงต้องวิเคราะห์คุณภาพยาง และต้องเก่งคำนวณความสูญเสียน้ำหนักระหว่างขนส่ง และความเสี่ยงด้านการขึ้นลงของราคาในประเทศและต่างประเทศ เป็นต้น
            ฤทัยรัตน์ ถ่ายทอดประสบการณ์เรื่องนี้ว่า พิจารณาจากจำนวนวันกรีด และคุณภาพยางเป็นปัจจัยสำคัญ โดยเธอจะซื้อยางจาก 2 ทางคือ ซื้อจากลานประมูล เป็นลานรวบรวมยางจากเกษตรกรในพื้นที่แล้วขายผ่านการประมูล
            อีกแหล่งคือการเปิดซื้อในลานของร้าน โดยจะมีเกษตรกรนำมาขายทุกวัน
            ยางจาก 2 ทาง คุณภาพมีความแตกต่างกัน ขณะเดียวกันยางแต่ละแหล่งก็คุณภาพแตกต่างกัน ดังนั้นผู้ซื้อยางจึงต้องพิจารณาจากคุณภาพยางเป็นสำคัญ
เธอบอกว่า พื้นฐานที่ผู้ซื้อต้องมีคือ ต้องหัดดูลักษณะยางให้เป็น ต้องรู้ว่าลักษณะยางที่ดีและไม่ดีเป็นอย่างไร เช่น  “ยางทับหน้า” คือยางที่เกษตรกรกรีดเช้าวันที่เก็บมาขาย ยางประเภทนี้ชั้นยางใหม่จะหลุดออกจากก้อนทันที เวลาจะซื้อจึง ต้องตัดราคาความสูญเสียน้ำหนักที่จะหายจากส่วนนี้ให้มาก ส่วนใหญ่จะพบกับเกษตรกรที่นำยางมาขายหน้าลาน
“ถ้านำไปส่งโรงงานก็เละ เพราะน้ำเยอะ อาจขาดทุนได้”
นอกจากนั้นยังมียางอีกประเภท เป็นยางไม่พอน้ำกรด หรือผสมน้ำกรดอ่อนเกินไป ทำให้เนื้อยางจะยุ่ย ไม่ได้คุณภาพ
ลักษณะยางที่ดีต้องหยอดน้ำกรดให้แข็งทุกครั้งที่กรีด การตรวจวัดคุณภาพทำได้โดยใช้มีดผ่าก้อนยางก็จะเห็นเนื้อยางเป็นชั้นๆ ซึ่งแต่ละชั้นก็คือจำนวนวันกรีด
“ถ้าเป็นยางที่รวบรวมเป็นกลุ่มเราจะนับวันกรีดดู ถ้ากรีด 2 พัก 1 วัน เราก็เอา 12 วัน หาร 3 คูณ 2  ก็จะได้ว่าต้องเป็นยางกรีด 8 มีด แต่ถ้าเป็นยางที่เกษตรกรนำมาขายที่ลานจะใช้มีดผ่าดูชั้นยาง เพื่อความแน่นอน ถ้าเป็นยางดี เราก็จะบวกราคาเพิ่มจากหน้าร้านให้ แต่ถ้าเป็นยางอ่อนเราก็ตัดราคาเช่นกัน”
แต่เธอให้ข้อมูลสำคัญว่า ยางของกลุ่มสหกรณ์ภายใต้การดูแลของ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง หรือ  สกย. มีคุณภาพดีที่สุด เพราะยางที่รวบรวมมีการควบคุมคุณภาพยางเข้มงวด เช่น ต้องไม่มีสิ่งปลอมปน เป็นยางกรีด 8 มีดขึ้นไป และเป็นยางค้างคืน น้ำหนักจะลดลงไม่มากนัก  
            “ถ้าอยากทำธุรกิจลองซื้อยางจาก สหกรณ์ สกย. โอกาสขาดทุนน้อยมาก ถ้าเรายังไม่มีสถิติ ก็ให้ลองซื้อ แต่ราคายางจะสูงกว่าลานทั่วไป
“แต่อย่างไรก็ตามผู้ซื้อต้องอาศัยความชำนาญเรื่องลักษณะยาง ซึ่งจะต้องค่อยๆ เรียนรู้ไป”
ปัจจุบันบุญทวีรับเบอร์ซื้อขายยางปริมาณวันละ 300-400 ตัน แต่ถ้าวันที่ไม่มีการประมูลรับซื้อหน้าลาน ประมาณ 100 ตัน/วัน

ปัจจัยราคาซื้อขายยาง มีผลต่อกำไรและขาดทุน
ปัจจัยที่จะทำให้ธุรกิจซื้อขายยางก้อนถ้วยประสบความสำเร็จ นอกจากจะต้องพิจารณาคุณภาพยางเป็นแล้ว ปัจจัยรองลงมาก็คือ “ราคายาง”
เธอแนะนำว่าเมื่อซื้อยางมาแล้ว ควรหาแหล่งขายหรือโรงงานประจำ ไม่ควรวิ่งขายยางตามราคาโรงงานที่ให้ราคาสูงๆ มากนัก เพราะจะทำให้น้ำหนักระหว่างการขนส่งยางลดลง และต้นทุนก็สูงขึ้น สุดท้ายก็จะขาดทุน
นอกจากนั้นยังต้องรู้ความต้องการคุณภาพยาง และวิธีการวัดเปอร์เซ็นต์ยาง และวิธีรับซื้อของโรงงานที่จะขายยางด้วย
“แต่วิธีการคร่าวๆ การซื้อจะดูจากฤดูกาล เพราะแต่ละฤดูกาลเปอร์เซ็นต์ยางไม่เท่ากัน เราจึงต้องมีการทำสถิติไว้ ช่วงที่เปอร์เซ็นต์ยางอ่อนที่สุดคือ หน้าหนาว เพราะน้ำยางออกเยอะ ยางสดเปอร์เซ็นต์แค่ 54-56% เท่านั้น เวลาเราคำนวณราคาซื้อก็ต้องดูราคาโรงงาน ถ้าซื้อหน้าโรงงาน 65 ก็นำมาลบกับเปอร์เซ็นต์ยาง 54% และลบน้ำหายระหว่างขนส่ง และค่าใช้จ่าย จะได้ราคาประมาณ 33 บาท/กก. แต่ถ้าตอนนั้นเป็นช่วงที่เราอยากได้ของก็จะดันราคาซื้อ 34 บาท นั่นหมายความว่าเราขาดทุนแล้ว 1 บาท” ฤทัยรัตน์ให้ข้อมูล

เพิ่มช่องทางกำไร จากยางก้อน ด้วยการผลิตยางเครป
        จากข้อมูลที่ได้จากบุญทวีรับเบอร์ จะเห็นไว้ว่าการซื้อขายยางก้อนถ้วยต้องอาศัยความชำนาญด้านการคัดเลือกยาง และวิเคราะห์ราคายาง ทั้งสองปัจจัยสำคัญพอๆ กัน
แต่อย่างไรก็ไม่ได้หมายความว่า ถ้ามีความชำนาญทั้ง 2 ทาง จะเป็น “ตรายาง” การันตีความสำเร็จในธุรกิจนี้ เพราะพ่อค้ายางเองก็อาจจะถูกกดราคายางจากโรงงานด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะความผันผวนเรื่องน้ำหนักยาง ที่สูญเสียไประหว่างการขนส่ง และการตรวจวัดเนื้อยางแห้ง (DRC) แต่ละโรงงานไม่เหมือนกัน
เพราะอย่างไรโรงงานก็ต้องการซื้อวัตถุดิบราคาถูกที่สุดเพื่อนำไปทำกำไรสูงสุด
แนวทางการขจัดจุดอ่อนเรื่องการถูกกดราคาจากโรงงานของบุญทวีรับเบอร์ คือ การแปรรูปเพิ่มมูลค่ายางก้อนถ้วยเป็น “ยางเครป” นั่นเอง
“เห็นตัวอย่างจากการทำหลายๆ แห่งใน จ.บึงกาฬ ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่ายาง และนำไปทำยางแท่ง STR จึงเกิดแนวคิดอยากทำ เพราะมียางอยู่ในมือแล้ว” ฤทัยรัตน์เล่า
การลงทุนผลิตยางเครป สำคัญคือ เครื่องจักรรีดยางเครป ซึ่งในช่วงแรก หรือเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เครื่องมือ 2 จากประเทศมาเลเซียราคาเครื่องละ 450,000 บาท จำนวน 2 ตัว และหลังจากนั้นซื้อเครื่องมือ 2 ในประเทศอีก 2 ตัว
            ด้วยเป็นเครื่องรีดเครปมือ 2 กำลังการผลิตจึงทำได้ช้า และเครื่องจักรค่อนข้าง “ชราภาพ” เต็มที โดยเฉพาะความแข็งแรงมั่นคง มีกำลังการผลิตรวมเพียง 8 ตัน/วัน หรือเครื่องละ 2 ตัน/วันเท่านั้น
 ส่วนโรงเรือนมีอยู่แล้ว เพียงแค่ปรับพื้นที่ เทพื้น เท่านั้น
            จากการทำยางเครปในช่วงแรกๆ ทำให้ได้กำไรหลังหักต้นทุนการผลิตแล้ว กิโลกรัมละ 2-3 บาท
            ภายหลังบุญทวีรับเบอร์มีการเปลี่ยนเครื่องรีดยางเครปใหม่ทั้งหมด โดยเลือกเครื่องจักรที่ออกแบบโดยคนไทย แต่อะไหล่และวัสดุเป็นของนำเข้าจากต่างประเทศ มีความมั่นคง เพราะขาเป็นเหล็กตัน กำลังการผลิตสูงชั่วโมงละ 1 ตัน จำนวน 3 เครื่อง ราคาเครื่องละ 690,000 บาท (มอเตอร์ 50 แรง)
            “กำลังการผลิตเครื่องรีดยางเครปใหม่จึงทำให้การผลิตสูงขึ้น แต่ที่สำคัญก็คือ มีการบริการหลังการขาย เช่น มีการรับประกันมอเตอร์ 2 ปี และการซ่อมบำรุงเมื่อมีปัญหา”
            นอกจากการลงทุนเครื่องจักร โรงเรือนแล้ว ยังต้องเผื่อเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการซื้อยางก้อนถ้วยป้อนการผลิตด้วย
อย่างบุญทวีรับเบอร์ผลิตยางเครปวันละ 40 ตัน ต้องใช้เงินทุนซื้อยางวันละ 1.3-1.4 ล้านกว่าบาทแล้ว แต่การผลิตยางเครปจะได้เงินช้ากว่าขายยางก้อนอย่างน้อย 1 วัน


แนวทางการผลิตยางเครปให้ประสบความสำเร็จ
        หญิงเก่งแห่งบุญทวีรับเบอร์ ให้แนวทางการทำยางเครปว่า ปัจจัยสำคัญคือ การควบคุมคุณภาพการผลิตยางเครปให้สม่ำเสมอ โดยเฉพาะเรื่องสิ่งเจือปนและความสะอาดเป็นหลัก เพราะอาจจะเป็นจุดอ่อนให้กดราคาซื้อยาง โดยอ้างว่าเป็นยางไม่มีคุณภาพ
            “ความสะอาดดูตั้งแต่ขั้นตอนการคัดเลือกยางก้อนถ้วย ต้องไม่มีสิ่งปลอมปน เศษไม้ หรือโลหะ การผลิตต้องใช้เยอะ ในการทำความสะอาดยางก่อนรีด ระหว่างรีด และหลังรีด”
            นอกจากนั้นยังต้องมีบ่อบำบัดน้ำเสีย และมีมลพิษเรื่องกลิ่น จึงต้องอยู่ห่างจากชุมชนอย่างน้อย 3 กม.
เมื่อสามารถควบคุมการผลิตให้มีคุณภาพได้ แนวทางต่อมาคือ การบริหารด้านการซื้อขาย เพราะยางเครปสามารถขายได้หลายช่องทาง ตั้งแต่การขาย “ยางเครปสด” คือ รีดเสร็จแล้วขายทันที และระยะการตากตั้งแต่ 3-7 วัน และนานกว่านั้น เพื่อให้ยางแห้งไว
ดังนั้นการจะพิจารณาว่าจะขายยางเครปช่วงไหนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง  
โดยมีหลักว่าถ้าจะทำ “ยางเครปตาก” ควรต้องล็อกราคาซื้อขายกับโรงงานล่วงหน้าก่อนการตาก เพราะการตากยางส่วนใหญ่เพื่อให้ยางมีคุณภาพสูงขึ้น ปริมาณความชื้นน้อย และเก็งกำไร แต่ถ้าราคายางผันผวนก็อาจจะขาดทุนได้
            “เมื่อเก็งกำไรแล้วว่ายางจะขึ้นราคา ก็เครปแล้วเครปตาก แต่ปรากฏว่าถ้ายางราคาตกในช่วงที่เราตากไปแล้ว จะขาดทุน ยิ่งถ้าคุณภาพและความสะอาดไม่ได้ก็ทำได้ยาก” ฤทัยรัตน์บอก
            แต่แนวทางหนึ่งที่ช่วยได้ก็คือ การขายยางเครปสด เธอบอกว่าเป็นประเภทยางเครปที่บริหารจัดการได้ง่าย เพราะสามารถคำนวณได้ว่า ยางที่ซื้อมาแต่ละวันน้ำหนักจะหายหลังการรีดเท่าไหร่ จะได้เปอร์เซ็นต์ยางเท่าไหร่ และจะได้กำไรจากการผลิตวันนั้นเท่าไหร่
            “การคัดเลือกซื้อยางก้อนถ้วยมาทำยางมาเครปก็เหมือนกับการซื้อยางก้อน ถ้าซื้อก้อนขาดทุน ถ้านำมาเครปก็จะขาดทุนเพิ่มเช่นกัน แต่ถ้าเราซื้อยางดีมาเครป ก็จะขายได้กำไร”
            เธอแนะนำอีกว่า ควรต้องจดบันทึกประวัติคุณภาพยางแต่ละแหล่งไว้ จะเป็นประโยชน์ต่อการคำนวณความคุ้มค่าการผลิตยางเครป
“ยางหน้าลานส่วนใหญ่เป็นยาง 4-6 มีด ถ้านำมารีดแล้วน้ำจะออกเยอะ น้ำหนักก็จะลดลงเยอะเช่นกัน แต่ถ้าเป็นยาง 8 มีดเป็นยางที่นำมารีดเครปดีสุด”
            ทั้งนี้ยางก้อนถ้วยที่บุญทวีซื้อ วันละ 300-400 ตัน จะนำมารีดเครป เพียงแค่ 40 ตัน/วันเท่านั้น ตามกำลังการผลิตของเครื่องจักร  ส่วนยางก้อนถ้วยส่วนใหญ่จะส่งขายเข้าโรงงานยางแท่งใน จ.บึงกาฬ


ตลาดยางเครปเริ่มขยายในบึงกาฬ
        ด้านแหล่งรับซื้อยางเครปในอดีตเคยมีปัญหาเพราะโรงงานยางแท่งไม่รับซื้อยางเครป โดยให้เหตุผลว่าการผลิตไม่มีมาตรฐาน คุณภาพ และปริมาณค่อนข้างน้อย จึงไม่มีโรงงานเปิดซื้อยางเครปมากนัก จนดูเหมือนว่าการทำยางเครปจะ “เป็นหมัน” เสียแล้ว
            แต่ภายหลังเกิดกระแสการแปรรูปยางเครปมากยิ่งขั้น จึงมีปริมาณขึ้นมา และการผลิตค่อนข้างมีคุณภาพ โรงงานยางเกือบทุกแห่งใน จ.บึงกาฬ จึงรับซื้อยางเครปทุกโรง ได้แก่ โรงงานรับเบอร์แลนด์ (ในเครือศรีตรัง) โรงงานไทยฮั้ว และโรงงานเซาท์แลนด์ เป็นต้น
            แต่แหล่งส่งขายยางเครปของบุญทวีรับเบอร์ ส่ง 2 โรงงาน คือ ยางเครปสด ขายโรงงานถาวร จ.หนองคาย
ส่วนยางเครปตาก ส่งขายโรงงานรับเบอร์แลนด์ และโรงงานไทยฮั้ว ทั้ง 2 โรงงานมีการซื้อและวัดหาค่าเนื้อยางด้วยห้องแล็บมาตรฐาน จะทราบผลยางอีกวันและรับเงินตอนเย็นวันนั้น อีกทั้งยังสามารถตกลงราคาซื้อขายล่วงหน้าได้ แต่ต้องส่งยางอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อถามถึงตัวเลขความคุ้มค่าของการนำยางก้อนถ้วยมาแปรรูปเป็นยางเครป ฤทัยรัตน์เปิดเผยว่า “ยางเครปขายได้กำไรกว่าขายยางก้อน 2 เท่า”
            ถ้าซื้อยางก้อนถ้วยแล้วขายเข้าโรงงานได้กำไร 5,000 บาท เมื่อนำมาแปรรูปเป็นยางเครปจะได้กำไรเพิ่มเป็น 10,000 บาท

คุณภาพยางเครป ขึ้นอยู่กับขั้นตอนการผลิต
        คุณภาพของยางเครป นอกจากความสะอาดแล้ว ความชื้นก็เป็นอีกส่วนที่มีความสำคัญ ซึ่งความชื้นของแผ่นเครป จะมีความสัมพันธ์กับความหนาบางของยางเครป และโรงเรือนตากยาง
หากแผ่นเครปหนามากๆ จะทำให้ยางแห้งยาก ยิ่งถ้าสถานที่ตากไม่ดีพอ ลมไม่ระบายพัดผ่าน ความชื้นจะสูง และยากต่อการคำนวณเปอร์เซ็นต์เนื้อยาง จนอาจทำให้ยางชุดนั้นขายขาดทุนได้
ดังนั้นจึงควรรีดเครปให้บางประมาณ 6 มม. จะทำให้แผ่นยางแห้งง่าย เพราะการระบายความชื้นในแผ่นดีกว่าเครปที่แผ่นหนา การคำนวณเปอร์เซ็นต์จากสายตาจะทำได้ง่ายด้วยเช่นกัน ยางเครปชุดนั้นจะได้เปอร์เซ็นต์สูงกว่า และส่งขายได้เร็วกว่า
ทั้งนี้โรงตากยางเครปจึงต้องสูงโปร่ง โล่ง เพื่อให้ลมพัดผ่านได้สะดวก
เธอเปิดเผยว่าอนาคตจะลงทุนเครื่องอบยางเครประบบไฟฟ้า เพื่อเพิ่มคุณภาพยางเครปให้สูงขึ้น เพราะมองว่ายางเครปคุณภาพสูงจะเป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะโรงงานผลิตพื้นรองเท้าจะใช้ยางเครปที่มี DRC 80% ขึ้นไป ซึ่งยางคุณภาพอย่างนี้กำลังขาด เพราะทำได้ยากมาก
“กว่าจะตากยางตามธรรมชาติเพื่อให้ค่า DRC สูงๆ อย่างนั้นทำได้ยากและเสี่ยงขาดทุนจากราคาขึ้นลง คนทำต้องมีทุนเก็บยางไว้เยอะ
“แต่การอบยางเครปจะทำให้ยางแห้งเร็ว จาก 1 เดือนเหลือไม่ถึง 1 สัปดาห์ และแก้ปัญหาเรื่องฝน อากาศ ถ้าตากยางไม่ดี ลมระบายไม่ทั่วถึง ยางจะมีความชื้นสูง การลงทุนเตาอบยางเครปจึงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถด้านการผลิตและมูลค่าให้ยางเครป”
            แต่เร็วๆ นี้ บุญทวีรับเบอร์ กำลังจะขยายกำลังการผลิตยางเครป โดยวางไลน์การผลิตแบบอัตโนมัติ มีเครื่องสับยาง เครื่องล้างยาง และเครื่องเครป เช่นเดียวกับโรงงาน กำลังการผลิต 100 ตัน/วัน ซึ่งจะสามารถผลิตยางเครปได้สูงขึ้นและใช้แรงงานน้อยลง
                         

ทิศทางยางเครปอีสานโต
            เธอมองว่าอนาคตยางเครปในอีสานมีทิศทางที่ดี โดยดูจากโรงงานใหญ่ใน จ.บึงกาฬเริ่มเปิดรับซื้อแล้ว เพราะอนาคตภาคอีสานเกษตรกรผลิตยางก้อนถ้วยจะสูงขึ้นเรื่อยๆ การผลิตยางแผ่นจะค่อยๆ ลดลง
ที่สำคัญยางเครปราคาถูกว่ายางแผ่น ถ้าผึ่งลมตากแห้ง DRC จะสูง ก็สามารถใช้ทดแทนยางแผ่นในการผสมทำยางแท่ง STR ได้ ต้นทุนการผลิตจึงถูกกว่ายางแผ่น แต่ว่าต้องให้ความสำคัญเรื่องความสะอาด
            นอกจากนั้นยังมีตลาดต่างประเทศ อย่างตลาดจีน ที่มีความต้องการยางเครป บุญทวีรับเบอร์ ให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมามีออเดอร์จากพ่อค้าจีนเป็นระยะ เคยมีความต้องการสูงถึง 2,000 ตัน แต่กลับหายางเครปไม่ได้ แต่จะรับเพียงแค่การผลิตของตัวเองและในกลุ่ม 50-100 ตัน
“ถ้ามีการสั่งออเดอร์มา จะมัดจำล่วงหน้า 20% แต่ต้องตกลงกันเรื่องคุณภาพยาง และกำหนดราคาล่วงหน้า”

ขอขอบคุณ
ฤทัยรัตน์ สาลี
บุญทวี รับเบอร์
113/1 หมู่ 1 บ้านศรีวิไล ต.ศรีวิไล อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ โทรศัพท์ 08-0618-8638 ID-Line ruetairat.salee
         
         

          “การทำยางเครป ต้องทำอย่างไร จึงจะกำไร และประสบความสำเร็จ” ผู้เขียนเอ่ยถามอย่างใคร่รู้
            “อยู่ที่การบริหารจัดการ” ผู้ถูกถามตอบสั้นๆ ก่อนจะขยายความว่า
ตั้งแต่การเลือกซื้อยาง การผลิต บริหารตลาด แม้กระทั่งเครื่องจักรก็สำคัญ
นั่นหมายความว่าทุกขั้นตอน คือ “ห่วงโซ่” ความสำเร็จของการผลิตยางเครป...!!!
ฤทัยรัตน์ สาลี สาวเก่งแห่ง “บุญทวี รับเบอร์” ผู้รับซื้อยางรายใหญ่แห่ง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ คือ ผู้ให้คำนิยมของแนวทางการผลิตยางเครปให้ประสบความสำเร็จข้างต้น
เพราะเธอจับธุรกิจรับซื้อยางก้อนถ้วยและแปรรูปยางเครป จนสามารถ “เขียน” แนวทางการผลิตยางเครปได้อย่างละเอียด ซึ่งทั้งหมดมาจากประสบการณ์การทำยางเครปมากว่า 4 ปี
ขณะเดียวกันโรงผลิตยางเครปของเธอ ยังเป็นเสมือน “ห้องเรียน” สำหรับผู้สนใจธุรกิจแปรรูปยางชนิดนี้ ที่ถ่ายทอดทั้งแนวคิด ทฤษฎี และปฏิบัติ

จากผู้ขาย สู่ผู้ซื้อ ยาง
            บุญทวี รับเบอร์ มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นเกษตรกรชาวสวนยางทำยางก้อนถ้วยขายพ่อค้าในพื้นที่ แต่มักจะถูกผู้ซื้อกดราคาอยู่เป็นนิจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจการกำหนดราคา
            ก่อนจะพลิกตัวเองมาเป็นผู้ซื้อยางเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เพื่อขายยางจากสวนตัวเอง และรับซื้อจากเกษตรกรในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการซื้อขายผ่านระบบการประมูล


กลยุทธ์การซื้อยางก้อนถ้วยให้กำไร
        การเป็นพ่อค้ารับซื้อยางก้อนถ้วยใช่ว่าจะนอนกอดความสำเร็จ หรือทำผลกำไรได้เสมอไป เพราะมีคนจำนวนมากที่เข้ามาจับธุรกิจนี้ แต่ขาดประสบการณ์และการวิเคราะห์ตลาดที่ดี จึงเจ๊งไปก็มาก เพราะยางประเภทนี้มีปัจจัยเรื่องของน้ำหรือความชื้นเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้ซื้อจึงต้องวิเคราะห์คุณภาพยาง และต้องเก่งคำนวณความสูญเสียน้ำหนักระหว่างขนส่ง และความเสี่ยงด้านการขึ้นลงของราคาในประเทศและต่างประเทศ เป็นต้น
            ฤทัยรัตน์ ถ่ายทอดประสบการณ์เรื่องนี้ว่า พิจารณาจากจำนวนวันกรีด และคุณภาพยางเป็นปัจจัยสำคัญ โดยเธอจะซื้อยางจาก 2 ทางคือ ซื้อจากลานประมูล เป็นลานรวบรวมยางจากเกษตรกรในพื้นที่แล้วขายผ่านการประมูล
            อีกแหล่งคือการเปิดซื้อในลานของร้าน โดยจะมีเกษตรกรนำมาขายทุกวัน
            ยางจาก 2 ทาง คุณภาพมีความแตกต่างกัน ขณะเดียวกันยางแต่ละแหล่งก็คุณภาพแตกต่างกัน ดังนั้นผู้ซื้อยางจึงต้องพิจารณาจากคุณภาพยางเป็นสำคัญ
เธอบอกว่า พื้นฐานที่ผู้ซื้อต้องมีคือ ต้องหัดดูลักษณะยางให้เป็น ต้องรู้ว่าลักษณะยางที่ดีและไม่ดีเป็นอย่างไร เช่น  “ยางทับหน้า” คือยางที่เกษตรกรกรีดเช้าวันที่เก็บมาขาย ยางประเภทนี้ชั้นยางใหม่จะหลุดออกจากก้อนทันที เวลาจะซื้อจึง ต้องตัดราคาความสูญเสียน้ำหนักที่จะหายจากส่วนนี้ให้มาก ส่วนใหญ่จะพบกับเกษตรกรที่นำยางมาขายหน้าลาน
“ถ้านำไปส่งโรงงานก็เละ เพราะน้ำเยอะ อาจขาดทุนได้”
นอกจากนั้นยังมียางอีกประเภท เป็นยางไม่พอน้ำกรด หรือผสมน้ำกรดอ่อนเกินไป ทำให้เนื้อยางจะยุ่ย ไม่ได้คุณภาพ
ลักษณะยางที่ดีต้องหยอดน้ำกรดให้แข็งทุกครั้งที่กรีด การตรวจวัดคุณภาพทำได้โดยใช้มีดผ่าก้อนยางก็จะเห็นเนื้อยางเป็นชั้นๆ ซึ่งแต่ละชั้นก็คือจำนวนวันกรีด
“ถ้าเป็นยางที่รวบรวมเป็นกลุ่มเราจะนับวันกรีดดู ถ้ากรีด 2 พัก 1 วัน เราก็เอา 12 วัน หาร 3 คูณ 2  ก็จะได้ว่าต้องเป็นยางกรีด 8 มีด แต่ถ้าเป็นยางที่เกษตรกรนำมาขายที่ลานจะใช้มีดผ่าดูชั้นยาง เพื่อความแน่นอน ถ้าเป็นยางดี เราก็จะบวกราคาเพิ่มจากหน้าร้านให้ แต่ถ้าเป็นยางอ่อนเราก็ตัดราคาเช่นกัน”
แต่เธอให้ข้อมูลสำคัญว่า ยางของกลุ่มสหกรณ์ภายใต้การดูแลของ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง หรือ  สกย. มีคุณภาพดีที่สุด เพราะยางที่รวบรวมมีการควบคุมคุณภาพยางเข้มงวด เช่น ต้องไม่มีสิ่งปลอมปน เป็นยางกรีด 8 มีดขึ้นไป และเป็นยางค้างคืน น้ำหนักจะลดลงไม่มากนัก  
            “ถ้าอยากทำธุรกิจลองซื้อยางจาก สหกรณ์ สกย. โอกาสขาดทุนน้อยมาก ถ้าเรายังไม่มีสถิติ ก็ให้ลองซื้อ แต่ราคายางจะสูงกว่าลานทั่วไป
“แต่อย่างไรก็ตามผู้ซื้อต้องอาศัยความชำนาญเรื่องลักษณะยาง ซึ่งจะต้องค่อยๆ เรียนรู้ไป”
ปัจจุบันบุญทวีรับเบอร์ซื้อขายยางปริมาณวันละ 300-400 ตัน แต่ถ้าวันที่ไม่มีการประมูลรับซื้อหน้าลาน ประมาณ 100 ตัน/วัน

ปัจจัยราคาซื้อขายยาง มีผลต่อกำไรและขาดทุน
ปัจจัยที่จะทำให้ธุรกิจซื้อขายยางก้อนถ้วยประสบความสำเร็จ นอกจากจะต้องพิจารณาคุณภาพยางเป็นแล้ว ปัจจัยรองลงมาก็คือ “ราคายาง”
เธอแนะนำว่าเมื่อซื้อยางมาแล้ว ควรหาแหล่งขายหรือโรงงานประจำ ไม่ควรวิ่งขายยางตามราคาโรงงานที่ให้ราคาสูงๆ มากนัก เพราะจะทำให้น้ำหนักระหว่างการขนส่งยางลดลง และต้นทุนก็สูงขึ้น สุดท้ายก็จะขาดทุน
นอกจากนั้นยังต้องรู้ความต้องการคุณภาพยาง และวิธีการวัดเปอร์เซ็นต์ยาง และวิธีรับซื้อของโรงงานที่จะขายยางด้วย
“แต่วิธีการคร่าวๆ การซื้อจะดูจากฤดูกาล เพราะแต่ละฤดูกาลเปอร์เซ็นต์ยางไม่เท่ากัน เราจึงต้องมีการทำสถิติไว้ ช่วงที่เปอร์เซ็นต์ยางอ่อนที่สุดคือ หน้าหนาว เพราะน้ำยางออกเยอะ ยางสดเปอร์เซ็นต์แค่ 54-56% เท่านั้น เวลาเราคำนวณราคาซื้อก็ต้องดูราคาโรงงาน ถ้าซื้อหน้าโรงงาน 65 ก็นำมาลบกับเปอร์เซ็นต์ยาง 54% และลบน้ำหายระหว่างขนส่ง และค่าใช้จ่าย จะได้ราคาประมาณ 33 บาท/กก. แต่ถ้าตอนนั้นเป็นช่วงที่เราอยากได้ของก็จะดันราคาซื้อ 34 บาท นั่นหมายความว่าเราขาดทุนแล้ว 1 บาท” ฤทัยรัตน์ให้ข้อมูล

เพิ่มช่องทางกำไร จากยางก้อน ด้วยการผลิตยางเครป
        จากข้อมูลที่ได้จากบุญทวีรับเบอร์ จะเห็นไว้ว่าการซื้อขายยางก้อนถ้วยต้องอาศัยความชำนาญด้านการคัดเลือกยาง และวิเคราะห์ราคายาง ทั้งสองปัจจัยสำคัญพอๆ กัน
แต่อย่างไรก็ไม่ได้หมายความว่า ถ้ามีความชำนาญทั้ง 2 ทาง จะเป็น “ตรายาง” การันตีความสำเร็จในธุรกิจนี้ เพราะพ่อค้ายางเองก็อาจจะถูกกดราคายางจากโรงงานด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะความผันผวนเรื่องน้ำหนักยาง ที่สูญเสียไประหว่างการขนส่ง และการตรวจวัดเนื้อยางแห้ง (DRC) แต่ละโรงงานไม่เหมือนกัน
เพราะอย่างไรโรงงานก็ต้องการซื้อวัตถุดิบราคาถูกที่สุดเพื่อนำไปทำกำไรสูงสุด
แนวทางการขจัดจุดอ่อนเรื่องการถูกกดราคาจากโรงงานของบุญทวีรับเบอร์ คือ การแปรรูปเพิ่มมูลค่ายางก้อนถ้วยเป็น “ยางเครป” นั่นเอง
“เห็นตัวอย่างจากการทำหลายๆ แห่งใน จ.บึงกาฬ ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่ายาง และนำไปทำยางแท่ง STR จึงเกิดแนวคิดอยากทำ เพราะมียางอยู่ในมือแล้ว” ฤทัยรัตน์เล่า
การลงทุนผลิตยางเครป สำคัญคือ เครื่องจักรรีดยางเครป ซึ่งในช่วงแรก หรือเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เครื่องมือ 2 จากประเทศมาเลเซียราคาเครื่องละ 450,000 บาท จำนวน 2 ตัว และหลังจากนั้นซื้อเครื่องมือ 2 ในประเทศอีก 2 ตัว
            ด้วยเป็นเครื่องรีดเครปมือ 2 กำลังการผลิตจึงทำได้ช้า และเครื่องจักรค่อนข้าง “ชราภาพ” เต็มที โดยเฉพาะความแข็งแรงมั่นคง มีกำลังการผลิตรวมเพียง 8 ตัน/วัน หรือเครื่องละ 2 ตัน/วันเท่านั้น
 ส่วนโรงเรือนมีอยู่แล้ว เพียงแค่ปรับพื้นที่ เทพื้น เท่านั้น
            จากการทำยางเครปในช่วงแรกๆ ทำให้ได้กำไรหลังหักต้นทุนการผลิตแล้ว กิโลกรัมละ 2-3 บาท
            ภายหลังบุญทวีรับเบอร์มีการเปลี่ยนเครื่องรีดยางเครปใหม่ทั้งหมด โดยเลือกเครื่องจักรที่ออกแบบโดยคนไทย แต่อะไหล่และวัสดุเป็นของนำเข้าจากต่างประเทศ มีความมั่นคง เพราะขาเป็นเหล็กตัน กำลังการผลิตสูงชั่วโมงละ 1 ตัน จำนวน 3 เครื่อง ราคาเครื่องละ 690,000 บาท (มอเตอร์ 50 แรง)
            “กำลังการผลิตเครื่องรีดยางเครปใหม่จึงทำให้การผลิตสูงขึ้น แต่ที่สำคัญก็คือ มีการบริการหลังการขาย เช่น มีการรับประกันมอเตอร์ 2 ปี และการซ่อมบำรุงเมื่อมีปัญหา”
            นอกจากการลงทุนเครื่องจักร โรงเรือนแล้ว ยังต้องเผื่อเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการซื้อยางก้อนถ้วยป้อนการผลิตด้วย
อย่างบุญทวีรับเบอร์ผลิตยางเครปวันละ 40 ตัน ต้องใช้เงินทุนซื้อยางวันละ 1.3-1.4 ล้านกว่าบาทแล้ว แต่การผลิตยางเครปจะได้เงินช้ากว่าขายยางก้อนอย่างน้อย 1 วัน


แนวทางการผลิตยางเครปให้ประสบความสำเร็จ
        หญิงเก่งแห่งบุญทวีรับเบอร์ ให้แนวทางการทำยางเครปว่า ปัจจัยสำคัญคือ การควบคุมคุณภาพการผลิตยางเครปให้สม่ำเสมอ โดยเฉพาะเรื่องสิ่งเจือปนและความสะอาดเป็นหลัก เพราะอาจจะเป็นจุดอ่อนให้กดราคาซื้อยาง โดยอ้างว่าเป็นยางไม่มีคุณภาพ
            “ความสะอาดดูตั้งแต่ขั้นตอนการคัดเลือกยางก้อนถ้วย ต้องไม่มีสิ่งปลอมปน เศษไม้ หรือโลหะ การผลิตต้องใช้เยอะ ในการทำความสะอาดยางก่อนรีด ระหว่างรีด และหลังรีด”
            นอกจากนั้นยังต้องมีบ่อบำบัดน้ำเสีย และมีมลพิษเรื่องกลิ่น จึงต้องอยู่ห่างจากชุมชนอย่างน้อย 3 กม.
เมื่อสามารถควบคุมการผลิตให้มีคุณภาพได้ แนวทางต่อมาคือ การบริหารด้านการซื้อขาย เพราะยางเครปสามารถขายได้หลายช่องทาง ตั้งแต่การขาย “ยางเครปสด” คือ รีดเสร็จแล้วขายทันที และระยะการตากตั้งแต่ 3-7 วัน และนานกว่านั้น เพื่อให้ยางแห้งไว
ดังนั้นการจะพิจารณาว่าจะขายยางเครปช่วงไหนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง  
โดยมีหลักว่าถ้าจะทำ “ยางเครปตาก” ควรต้องล็อกราคาซื้อขายกับโรงงานล่วงหน้าก่อนการตาก เพราะการตากยางส่วนใหญ่เพื่อให้ยางมีคุณภาพสูงขึ้น ปริมาณความชื้นน้อย และเก็งกำไร แต่ถ้าราคายางผันผวนก็อาจจะขาดทุนได้
            “เมื่อเก็งกำไรแล้วว่ายางจะขึ้นราคา ก็เครปแล้วเครปตาก แต่ปรากฏว่าถ้ายางราคาตกในช่วงที่เราตากไปแล้ว จะขาดทุน ยิ่งถ้าคุณภาพและความสะอาดไม่ได้ก็ทำได้ยาก” ฤทัยรัตน์บอก
            แต่แนวทางหนึ่งที่ช่วยได้ก็คือ การขายยางเครปสด เธอบอกว่าเป็นประเภทยางเครปที่บริหารจัดการได้ง่าย เพราะสามารถคำนวณได้ว่า ยางที่ซื้อมาแต่ละวันน้ำหนักจะหายหลังการรีดเท่าไหร่ จะได้เปอร์เซ็นต์ยางเท่าไหร่ และจะได้กำไรจากการผลิตวันนั้นเท่าไหร่
            “การคัดเลือกซื้อยางก้อนถ้วยมาทำยางมาเครปก็เหมือนกับการซื้อยางก้อน ถ้าซื้อก้อนขาดทุน ถ้านำมาเครปก็จะขาดทุนเพิ่มเช่นกัน แต่ถ้าเราซื้อยางดีมาเครป ก็จะขายได้กำไร”
            เธอแนะนำอีกว่า ควรต้องจดบันทึกประวัติคุณภาพยางแต่ละแหล่งไว้ จะเป็นประโยชน์ต่อการคำนวณความคุ้มค่าการผลิตยางเครป
“ยางหน้าลานส่วนใหญ่เป็นยาง 4-6 มีด ถ้านำมารีดแล้วน้ำจะออกเยอะ น้ำหนักก็จะลดลงเยอะเช่นกัน แต่ถ้าเป็นยาง 8 มีดเป็นยางที่นำมารีดเครปดีสุด”
            ทั้งนี้ยางก้อนถ้วยที่บุญทวีซื้อ วันละ 300-400 ตัน จะนำมารีดเครป เพียงแค่ 40 ตัน/วันเท่านั้น ตามกำลังการผลิตของเครื่องจักร  ส่วนยางก้อนถ้วยส่วนใหญ่จะส่งขายเข้าโรงงานยางแท่งใน จ.บึงกาฬ


ตลาดยางเครปเริ่มขยายในบึงกาฬ
        ด้านแหล่งรับซื้อยางเครปในอดีตเคยมีปัญหาเพราะโรงงานยางแท่งไม่รับซื้อยางเครป โดยให้เหตุผลว่าการผลิตไม่มีมาตรฐาน คุณภาพ และปริมาณค่อนข้างน้อย จึงไม่มีโรงงานเปิดซื้อยางเครปมากนัก จนดูเหมือนว่าการทำยางเครปจะ “เป็นหมัน” เสียแล้ว
            แต่ภายหลังเกิดกระแสการแปรรูปยางเครปมากยิ่งขั้น จึงมีปริมาณขึ้นมา และการผลิตค่อนข้างมีคุณภาพ โรงงานยางเกือบทุกแห่งใน จ.บึงกาฬ จึงรับซื้อยางเครปทุกโรง ได้แก่ โรงงานรับเบอร์แลนด์ (ในเครือศรีตรัง) โรงงานไทยฮั้ว และโรงงานเซาท์แลนด์ เป็นต้น
            แต่แหล่งส่งขายยางเครปของบุญทวีรับเบอร์ ส่ง 2 โรงงาน คือ ยางเครปสด ขายโรงงานถาวร จ.หนองคาย
ส่วนยางเครปตาก ส่งขายโรงงานรับเบอร์แลนด์ และโรงงานไทยฮั้ว ทั้ง 2 โรงงานมีการซื้อและวัดหาค่าเนื้อยางด้วยห้องแล็บมาตรฐาน จะทราบผลยางอีกวันและรับเงินตอนเย็นวันนั้น อีกทั้งยังสามารถตกลงราคาซื้อขายล่วงหน้าได้ แต่ต้องส่งยางอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อถามถึงตัวเลขความคุ้มค่าของการนำยางก้อนถ้วยมาแปรรูปเป็นยางเครป ฤทัยรัตน์เปิดเผยว่า “ยางเครปขายได้กำไรกว่าขายยางก้อน 2 เท่า”
            ถ้าซื้อยางก้อนถ้วยแล้วขายเข้าโรงงานได้กำไร 5,000 บาท เมื่อนำมาแปรรูปเป็นยางเครปจะได้กำไรเพิ่มเป็น 10,000 บาท

คุณภาพยางเครป ขึ้นอยู่กับขั้นตอนการผลิต
        คุณภาพของยางเครป นอกจากความสะอาดแล้ว ความชื้นก็เป็นอีกส่วนที่มีความสำคัญ ซึ่งความชื้นของแผ่นเครป จะมีความสัมพันธ์กับความหนาบางของยางเครป และโรงเรือนตากยาง
หากแผ่นเครปหนามากๆ จะทำให้ยางแห้งยาก ยิ่งถ้าสถานที่ตากไม่ดีพอ ลมไม่ระบายพัดผ่าน ความชื้นจะสูง และยากต่อการคำนวณเปอร์เซ็นต์เนื้อยาง จนอาจทำให้ยางชุดนั้นขายขาดทุนได้
ดังนั้นจึงควรรีดเครปให้บางประมาณ 6 มม. จะทำให้แผ่นยางแห้งง่าย เพราะการระบายความชื้นในแผ่นดีกว่าเครปที่แผ่นหนา การคำนวณเปอร์เซ็นต์จากสายตาจะทำได้ง่ายด้วยเช่นกัน ยางเครปชุดนั้นจะได้เปอร์เซ็นต์สูงกว่า และส่งขายได้เร็วกว่า
ทั้งนี้โรงตากยางเครปจึงต้องสูงโปร่ง โล่ง เพื่อให้ลมพัดผ่านได้สะดวก
เธอเปิดเผยว่าอนาคตจะลงทุนเครื่องอบยางเครประบบไฟฟ้า เพื่อเพิ่มคุณภาพยางเครปให้สูงขึ้น เพราะมองว่ายางเครปคุณภาพสูงจะเป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะโรงงานผลิตพื้นรองเท้าจะใช้ยางเครปที่มี DRC 80% ขึ้นไป ซึ่งยางคุณภาพอย่างนี้กำลังขาด เพราะทำได้ยากมาก
“กว่าจะตากยางตามธรรมชาติเพื่อให้ค่า DRC สูงๆ อย่างนั้นทำได้ยากและเสี่ยงขาดทุนจากราคาขึ้นลง คนทำต้องมีทุนเก็บยางไว้เยอะ
“แต่การอบยางเครปจะทำให้ยางแห้งเร็ว จาก 1 เดือนเหลือไม่ถึง 1 สัปดาห์ และแก้ปัญหาเรื่องฝน อากาศ ถ้าตากยางไม่ดี ลมระบายไม่ทั่วถึง ยางจะมีความชื้นสูง การลงทุนเตาอบยางเครปจึงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถด้านการผลิตและมูลค่าให้ยางเครป”
            แต่เร็วๆ นี้ บุญทวีรับเบอร์ กำลังจะขยายกำลังการผลิตยางเครป โดยวางไลน์การผลิตแบบอัตโนมัติ มีเครื่องสับยาง เครื่องล้างยาง และเครื่องเครป เช่นเดียวกับโรงงาน กำลังการผลิต 100 ตัน/วัน ซึ่งจะสามารถผลิตยางเครปได้สูงขึ้นและใช้แรงงานน้อยลง
                         

ทิศทางยางเครปอีสานโต
            เธอมองว่าอนาคตยางเครปในอีสานมีทิศทางที่ดี โดยดูจากโรงงานใหญ่ใน จ.บึงกาฬเริ่มเปิดรับซื้อแล้ว เพราะอนาคตภาคอีสานเกษตรกรผลิตยางก้อนถ้วยจะสูงขึ้นเรื่อยๆ การผลิตยางแผ่นจะค่อยๆ ลดลง
ที่สำคัญยางเครปราคาถูกว่ายางแผ่น ถ้าผึ่งลมตากแห้ง DRC จะสูง ก็สามารถใช้ทดแทนยางแผ่นในการผสมทำยางแท่ง STR ได้ ต้นทุนการผลิตจึงถูกกว่ายางแผ่น แต่ว่าต้องให้ความสำคัญเรื่องความสะอาด
            นอกจากนั้นยังมีตลาดต่างประเทศ อย่างตลาดจีน ที่มีความต้องการยางเครป บุญทวีรับเบอร์ ให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมามีออเดอร์จากพ่อค้าจีนเป็นระยะ เคยมีความต้องการสูงถึง 2,000 ตัน แต่กลับหายางเครปไม่ได้ แต่จะรับเพียงแค่การผลิตของตัวเองและในกลุ่ม 50-100 ตัน
“ถ้ามีการสั่งออเดอร์มา จะมัดจำล่วงหน้า 20% แต่ต้องตกลงกันเรื่องคุณภาพยาง และกำหนดราคาล่วงหน้า”

ขอขอบคุณ
ฤทัยรัตน์ สาลี
บุญทวี รับเบอร์
113/1 หมู่ 1 บ้านศรีวิไล ต.ศรีวิไล อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ โทรศัพท์ 08-0618-8638 ID-Line ruetairat.salee

Random Posts

randomposts