์News

์News

ปรับกลยุทธ์ โครงการ 15,000 ล.บ. รับมือสถานการณ์ยูโรโซน รมช.กษ. เร่งระดมทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้อง หวัง หาทางออกช่วยรักษาเสถียรภาพราคายางภายในประเทศ


______________
สถานการณ์ยูโรโซน ยังส่งผลกระทบกับราคายางไทย รมช.กษ. หวังโครงการ 15,000 ล.บ.ทางออกช่วยรักษาเสถียรภาพราคายางภายในประเทศได้ดีที่สุด หลังหารือกลุ่มผู้นำเกษตรกรชาวสวนยางเห็นพ้องให้ อ.ส.ย.รับซื้อยางแผ่นดิบสูงกว่าราคาตลาดกลางเฉลี่ย 3 ตลาด (จ.นครศรีฯ    จ.สุราษฎร์ฯ และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา) กิโลละ 3 บาท หากราคาดิ่งลง ยังคงยืนราคาเดิมตลอดทั้งสัปดาห์
          เมื่อเย็นวาน รมช.กษ.ได้ประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับยางพารา ประกอบด้วย นายวิทย์ประทักษ์ใจ (ผอ.สกย.) นายชนะชัย เปล่งศิริวัฒน์ (ผอ.อ.ส.ย.) และ นายภูมิพัฒน์ เหมือนจันทร์ (กรรมการ     ก.ส.ย.) พร้อมด้วย ตัวแทนสถาบันเกษตรกร นำโดย นายบุญส่ง นับทอง นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย นายทรงศักดิ์ ประจงจัด นายกสมาคมชาวสวนยาง จ.เลย นายสังเวิน ทวดห้อย ประธานเครือข่ายสหกรณ์ชาวสวนยาง จ.จันทบุรี เพื่อหาแนวทางการบริหารโครงการรักษาเสถียรภาพราคายาง

          นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยถึงสถานการณ์ราคายางพาราขณะนี้ว่า มีการขยับตัวลดลงติดต่อกันมา 2-3 สัปดาห์แล้ว  จึงได้มีการหารือกับคณะกรรมการบริหารโครงการ 15,000 ล้าน ผู้ประกอบการ เกษตรกร และสถาบันเกษตรกร ว่าขณะนี้ในการดำเนินการตามโครงการ 15,000 ล้านนั้น ได้พยายามขับเคลื่อนและขยายการดำเนินงานของโครงการ จากการให้เฉพาะสถาบันเกษตรกรที่มีสถานะเป็นนิติบุคคลเข้าร่วมโครงการกู้เงินกับทาง ธ.ก.ส.ในวงเงิน 15,000 ล้าน แต่ขณะนี้ได้ขยายโดยใช้มติที่ประชุมคณะกรรมการโครงการให้วิสาหกิจชุมชน สมาคมชาวสวนยาง และกลุ่มเกษตรกรของ สกย.  สามารถที่จะเข้าร่วมโครงการได้ คำว่าเข้าร่วมโครงการ หมายถึง ตามกฎหมายของ ธ.ก.ส. ที่ระบุว่า องค์กรที่จะกู้ได้ต้องเป็นนิติบุคคล เพราะฉะนั้นเมื่อวิสาหกิจชุมชน สมาคมชาวสวนยาง และกลุ่มเกษตรกรของ สกย.  เหล่านี้ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคลจึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับวงเงินสินเชื่อ แต่สามารถที่จะนำยางของสมาชิกมาขายให้กับทางโครงการได้ และสำหรับเรื่องของกลไกราคานั้น จะนำเอาราคาของตลาดกลางเฉลี่ย 3 ตลาด ได้แก่ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานีและหาดใหญ่เป็นตัวตั้ง แล้วจึงบวกราคาซื้อในโครงการไปอีก 3 บาท ทั้งการรับ
 ซื้อยางแผ่นดิบชั้น 3 และยางแผ่นรมควัน  ซึ่งในสัปดาห์หน้าก็จะยืนราคานี้อันเป็นราคานำตลาด ถ้าหากว่าในสัปดาห์หน้าราคาตลาดกลางดันตัวสูงขึ้น ราคาโครงการของยางทั้งสองประเภทก็จะขยับตัวหนีขึ้นไปให้ได้ส่วนต่างกิโลกรัมละ 3 บาท แต่ถ้าราคาของตลาดกลางปรับตัวลดลง เราก็ยังคงยืนอยู่ที่ราคาประกาศ ณ  วันนี้ และจะยืนอย่างนี้ไปทั้งสัปดาห์ ตัวเลขจะอยู่ที่ประมาณ 91 บาทกว่า สำหรับยางแผ่นดิบ ชั้น 3 และประมาณ 94 บาทกว่าสำหรับยางแผ่นรมควัน
            รมช.กษ.กล่าวทิ้งท้ายว่า จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายยาง

แห่งชาติ ในวันที่ 6 ก.ค. 2555 นี้ เพื่อพิจารณามาตรการอื่นๆ เพิ่มเติมตาม

สถานการณ์ต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น

Random Posts

randomposts